นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
บริษัท เป่าเปาบุ๊ค จำกัด (“บริษัท”) เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อรับผลิตภัณฑ์และบริการของเรา เราจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการดำเนินงานของบริษัท (“นโยบายฯ”) ขึ้น เพื่อเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวและคุ้มครองรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านขณะที่ท่านเข้ามาใช้บริการ paopao (เว็ปไซต์ www.paopao.com และแอปพลิเคชั่น Paopao) โดยบริษัทจะใช้มาตรการเพื่อจัดการ ควบคุม และปกป้องรักษาข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้จะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของท่านและถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทขอขอบคุณที่ท่านให้ความไว้วางใจของท่านและเราจะดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยความระมัดระวังและอย่างสมเหตุสมผลเพื่อมอบประสบการณ์และการให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุดเฉพาะให้แก่ท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ("นโยบายความเป็นส่วนตัว") ใช้บังคับคลอบคลุมถึงร้านค้าปลีก เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (call center) ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ช่องทางการสื่อสารทางออนไลน์ ตลอดจนสถานที่อื่นๆ ที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม กรุณาอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ควบคู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว ดังนั้น โปรดตรวจสอบว่านโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้รับการแก้ไขครั้งล่าสุดเมื่อใดเป็นประจำ การเปลี่ยนแปลงใดๆ จะมีผลทันทีเมื่อเราเผยแพร่นโยบายความเป็นส่วนตัวที่แก้ไขดังกล่าวลงในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นของเรา เราจะแจ้งให้ท่านทราบหากมีการแก้ไขหรือปรับปรุงที่มีนัยสำคัญ ส่วนกรณีเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่เป็นการลิดรอนสิทธิของท่านในส่วนของข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการเพื่อขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น
1. บริษัทจัดทำนโยบายฯ ฉบับนี้ขึ้นเพื่ออะไร
นโยบายฯ ฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะผู้ใช้บริการซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอันพึงมีของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
2. คำนิยามศัพท์ในนโยบายฯ ฉบับนี้
“การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง การดำเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือวิธีการอื่น เช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบ จัดโครงสร้าง เก็บรักษา เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการส่งต่อ เผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อมใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจำกัด การลบ หรือการทำลาย
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้ระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
“ข้อมูลส่วนบุคคลแฝง” หมายถึง ข้อมูลที่ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้หากปราศจากการใช้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบ ทั้งนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมนี้จะมีการเก็บรักษาไว้แยกออกจากกันและอยู่ภายใต้มาตรการเชิงเทคนิคและมาตรการเชิงบริหารเพื่อประกันว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่สามารถระบุไปถึงบุคคลธรรมดาได้
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย มีอะไรบ้าง
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
3.1 ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เลขประจำตัวประชาชน และสำเนาบัตรประชาชน (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นนักเขียนเพื่อรับรายได้ หรือกรณีที่ท่านระบุว่าอายุเกินกว่า 18 ปี)
3.2 ข้อมูลช่องทางการติดต่อ ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล และที่อยู่ (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นนักเขียนเพื่อรับรายได้)
3.3 ข้อมูลทางการเงิน ได้แก่ ข้อมูลบัญชีธนาคาร และสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีที่ท่านลงทะเบียนเป็นนักเขียนเพื่อรับรายได้)
3.4 ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ได้แก่ Device ID และ IP Address
3.5 ข้อมูลบันทึกที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมการใช้งานต่าง ๆ ของบุคคลและ/หรือข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลในข้อ 3.1-3.4 ได้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่, ประวัติการชำระเงิน และประวัติการเข้าใช้งาน
4.บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางใดบ้าง
บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง จากการที่ท่านเข้าใช้บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท ได้แก่ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน อีเมล สำนักงานของบริษัท เจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างท่านกับบริษัท รวมถึงเก็บผ่าน browser’s cookies ของท่าน
5.บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
เพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้สินค้า และ/หรือบริการของบริษัท บริษัทจะทำการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัท โดยวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล มีดังนี้
5.1 เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น
5.1.1 ใช้ยืนยันตัวตนของท่านในการทำสัญญากับบริษัท
5.1.2 ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท
5.1.3 ใช้ในการชำระค่าตอบแทน
5.1.4 ใช้ในการจัดส่งสินค้า และ/หรือใบเสร็จ
5.2 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ เช่น
5.2.1 การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
5.2.2 การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
5.2.3 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
5.2.4 กฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
5.2.5 ประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายในข้อ 5.2.1 ถึง ข้อ 5.2.4
5.2.6 คำสั่งทางกฎหมาย (รวมถึงการปฏิบัติตามหมายศาล หรือคำขอจากหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ศาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไม่จำกัด)
5.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่นสำหรับการดำเนินการใด ๆ ที่มีความจำเป็นเท่าที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เช่น
5.3.1 เพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
5.3.2 เพื่อป้องกัน ตรวจสอบ รายการต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการฉ้อโกง หรือหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับบริการของบริษัท
5.3.3 เพื่อวิเคราะห์ ทบทวน พัฒนา และปรับปรุงการให้บริการของบริษัท
5.3.4 เพื่อใช้ในกรณีทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุถึงตัวท่านได้
5.3.5 เพื่อสรรค์สร้างและพัฒนาการให้บริการในอนาคต
5.3.6 เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน หรือตอบปัญหาข้อสงสัยต่าง ๆ ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.3.7 เพื่อดำเนินการอย่างทันทีทันใดในการคุ้มครองความปลอดภัยของสาธารณะชนหรือของผู้ใช้บริการของบริษัท
5.4 เพื่อประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการเข้าใช้บริการของบริษัท บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เท่าที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท เช่น
5.4.1 เพื่อให้ท่านได้รับบริการที่ดี สะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น
5.4.2 เพื่อให้ท่านไม่พลาดโอกาสได้รับข่าวสาร บริการใหม่ของบริษัท ข้อเสนอเกี่ยวกับการซื้อบริการใด ๆ สิทธิประโยชน์พิเศษ คะแนนสะสม โปรโมชัน รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้นเป็นพิเศษ
5.4.3 เพื่อให้ท่านไม่พลาดโอกาสรับข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือสิทธิประโยชน์พิเศษใด ๆ จากบริษัทในเครือของบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ
5.4.4 ในการให้ความยินยอมตามข้อ 5.4 นี้ หากท่านเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ ท่านต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล (แล้วแต่กรณี) ก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้สามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
5.4.5 เพื่อการประมวลข้อมูลภายในบริษัท การทำสถิติ วิเคราะห์ ศึกษาวิจัยการใช้บริการของบริษัท
อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จะมีผลใช้บังคับ บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าของบริษัทได้ที่อีเมล [email protected] (สำหรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Paopao)
6. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลภายนอกโดยปราศจากความยินยอมจากท่าน เว้นแต่บริษัทมีหน้าที่หรือได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงการให้บริการของบริษัท เพื่อการจัดทำข้อมูลทางสถิติ หรือการทำวิจัยการใช้บริการของบริษัท เพื่อการพิสูจน์ตัวตน เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อให้บุคคลภายนอกให้การสนับสนุนบริษัท เป็นต้น โดยบริษัทอาจเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอกหรือหน่วยงานต่าง ๆ เช่น บริษัทในเครือ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการภายนอก พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้รับโอนสิทธิในการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติบุคคลหรือบุคคลใด ๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท รวมถึงผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว
ในกรณีที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลภายนอก เนื่องจากการเข้าทำความตกลงทางการตลาดร่วม และ/หรือร่วมโฆษณาส่งเสริมการขายกับบุคคลภายนอก เพื่อวัตถุประสงค์ในการดึงดูดผู้ใช้บริการในการใช้บริการต่าง ๆ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการที่จะยืนยันรับรองหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลภายนอกนั้นว่า ผู้ใช้บริการมีการใช้บริการใด ๆ หรือเปิดบัญชีผู้ใช้กับบริษัท หรือให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการรายอื่นในบางกรณี เพื่อการช่วยเหลือบริษัทในการให้บริการอย่างดีที่สุด และบริษัทจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการรายอื่นมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลความเป็นส่วนตัวของท่าน
7. บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่
บริษัทอาจมีความจำเป็นในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลปลายทางในต่างประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บน server หรือ cloud ในต่างประเทศ
บริษัทจะทำการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้รับข้อมูลปลายทางในต่างประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกเก็บรวบรวมอย่างปลอดภัย
ในกรณีผู้รับข้อมูลปลายทางในต่างประเทศมีมาตรฐานที่ไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้และไม่ต่ำกว่าที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลปลายทางในต่างประเทศดังกล่าว หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในเครือที่อยู่ต่างประเทศ บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือที่อยู่ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแทนการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ได้
8. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด
บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นผู้ใช้บริการหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฯ ฉบับนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บและไม่มีความจำเป็น บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลแฝง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
9. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทจะรักษามาตรฐานในการจัดเก็บรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยเคร่งครัด เพื่อวัตถุประสงค์ในการปกป้องความเสียหาย หรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยไม่มีอำนาจ บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการเชิงเทคนิค เชิงบริหารจัดการ หรือมาตรการอื่นใด และจะทำการปรับปรุงนโยบายฯ ตามความจำเป็นและความเหมาะสม
ทั้งนี้ กรณีที่ข้อมูลเกิดการสูญหาย การวิบัติ การจู่โจม ไวรัส การรบกวน การเจาะระบบ หรือการบุกรุกการรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ จากบุคคลภายนอกเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท บริษัทขอสงวนสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดที่เกี่ยวข้องกับการนั้น
10. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใช้บริการของบริษัท ท่านมีสิทธิดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และนโยบายฯ ที่บริษัทกำหนดในขณะนี้หรือที่อาจมีขึ้นในอนาคต
10.1 สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท
(2) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน
(3) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
10.2 สิทธิขอโอนข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการอัตโนมัติ
(2) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยวิธีการอัตโนมัติ
(3) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถทำได้เพราะสาเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
10.3 สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้
(2) หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินการเท่าที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หากท่านยื่นคำขอคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี
(3) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด
(4) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
10.4 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลส่วนบุคคลแฝง เมื่อท่านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฯ ฉบับนี้ หรือการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอคัดค้านตามข้อ 10.3 (1) ข้อ 10.3 (2) และข้อ 10.3 (3) หรือใช้สิทธิขอถอนความยินยอมตามข้อ 10.8
10.5 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน
(2) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราวในกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.6 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล
ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
10.7 สิทธิร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.8 สิทธิขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับหรือภายหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ท่านได้รับประโยชน์อยู่
เมื่อท่านยื่นคำขอใช้สิทธิขอถอนความยินยอมมายังบริษัทแล้ว บริษัทจะดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิขอถอนความยินยอมของท่าน ภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน เว้นแต่กรณีที่ข้อมูลในคำขอใช้สิทธิเป็นข้อมูลที่ต้องจัดเก็บตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 บริษัทมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่า 90 (เก้าสิบ) วันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าการที่ท่านถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบในการใช้บริการของบริษัท เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน ไม่ได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์ โปรโมชัน คะแนนสะสม หรือไม่ได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทจะดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านในข้อ 10.1 ถึง ข้อ 10.7 โดยไม่ชักช้า ภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอใช้สิทธิจากท่าน ทั้งนี้ การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอาจมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ทำให้บริษัทอาจใช้สิทธิปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิซึ่งอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงเหตุผลของการปฏิเสธคำขอของท่าน
11. Cookies (คุกกี้) คืออะไร และบริษัทใช้คุกกี้อย่างไร
คุกกี้ คือ ข้อมูลชิ้นเล็ก ๆ ที่จะถูกจัดเก็บอยู่บนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ของท่านเมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์สามารถอ่านข้อมูลชิ้นเล็ก ๆ เหล่านี้และนำมาใช้งานได้อีกเมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นในภายหลัง ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของคุกกี้ได้จาก https://www.allaboutcookies.org/
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านขณะที่ท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเป็นไปเพื่อช่วยให้บริษัททราบข้อมูลการเข้าใช้บริการของท่าน ทำให้บริษัทสามารถนำไปพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ทราบถึงความสนใจของท่าน เพื่อที่บริษัทจะปรับปรุงวิธีการเสนอบริการให้แก่ท่านให้ดีและตรงกับความสนใจของท่านยิ่งขึ้น
ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้สำหรับเว็บไซต์ของบริษัท
11.1 Required Cookies – ใช้เพื่อเปิดใช้งานการทำงานหลักของเว็บไซต์ คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ของท่านเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การจดจำการเข้าสู่ระบบ การจดจำข้อมูลที่ท่านให้ไว้บนเว็บไซต์
11.2 Functionality Cookies – คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำตัวท่านเมื่อท่านกลับมาใช้งานเว็บไซต์อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับแต่งเนื้อหาสำหรับท่าน ปรับให้เว็บไซต์ของบริษัทตอบสนองความต้องการใช้งานของท่าน รวมถึงจดจำการตั้งค่าของท่าน เช่น ภาษา หรือขนาดของตัวอักษรที่ท่านเลือกใช้ในการใช้งานในเว็บไซต์
11.3 Advertising Cookies – คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำสิ่งที่ท่านเคยเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรงกับความสนใจของท่าน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกบันทึกบนอุปกรณ์ของท่านเพื่อเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและลิงก์ที่ท่านได้เยี่ยมชมและติดตาม นอกจากนี้ คุกกี้จากบุคคลที่สามอาจใช้ข้อมูลที่มีการส่งต่อข่าวสารในสื่อออนไลน์และเนื้อหาที่จัดเก็บจากการให้บริการ เพื่อเข้าใจความหมายของผู้ใช้งานโดยมีวัตถุประสงค์ในการปรับแต่งเว็บไซต์ โฆษณาให้เหมาะสมกับความสนใจของท่าน
11.4 Analytical/Performance Cookies – คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้บริษัทสามารถวัดผลการทำงานต่าง ๆ เช่น การประมวลจำนวนหน้าที่ท่านเข้าใช้งาน นับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ทราบถึงพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ให้มีคุณภาพดีขึ้นและมีความเหมาะสมมากขึ้น
ท่านสามารถตั้งค่าไม่ให้ Browser ของท่านตกลงรับคุกกี้ของบริษัทได้ โดยมีขั้นตอนตามที่ผู้ผลิต Web Browser กำหนดเช่น Chrome, Internet Explorer, Microsoft Edge, Firefox, Safari หรือ Web Browser อื่น
12. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
นโยบายฯ ฉบับนี้ ครอบคลุมเฉพาะการให้บริการในเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น บริการของบริษัทอาจมีลิงก์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมดูแลของบริษัท (“เว็บไซต์ของบุคคลอื่น”) นโยบายฯ ที่อธิบายไว้ในที่นี้ไม่อาจนำไปใช้กับเว็บไซต์ของบุคคลอื่นได้ ลิงก์จากเว็บไซต์บริการของบริษัทมิได้ระบุว่าบริษัทรับรองหรือได้ตรวจสอบเว็บไซต์ของบุคคลอื่น บริษัทขอแนะนำให้ท่านติดต่อกับเว็บไซต์ของบุคคลอื่นโดยตรงเพื่อศึกษาข้อมูลนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละเว็บไซต์
13. ท่านจะติดต่อบริษัทได้อย่างไร
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าของบริษัทได้ที่อีเมล [email protected] (สำหรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Paopao) หรือตามที่อยู่ เลขที่ 169/98 หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12130
14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายฯ
บริษัทอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายฯ เป็นครั้งคราวเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายฯ ฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งจะมีผลใช้บังคับเมื่อบริษัทเผยแพร่บนเว็บไซต์ Paopao และแอปพลิเคชัน Paopao โปรดอ่านนโยบายฯ นี้เป็นระยะเพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้บริการของบริษัท อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าตามความเหมาะสมก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลใช้บังคับ
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 06 เดือนธันวาคม 2567